ประวัติและการสอนวิปัสสนากรรมฐานตามแนวทางของ เอส.เอ็น. โกเอ็นก้า
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjwDila16e4D8W4IYa5osz4rS7LRPYxFj0ebV0OURibBgwD_SocFQprOJ8q3twrpq7rJc2ukjjuiguvEIRjxcgRFiZQH_ynGol5F3TV3uMteuJoqgknDvhCvIZGiLzNp6MGgDJJXrjtSMAk2-IG3zFiI5n93ABi49S38mmHttNmE1jIuFkWMMK5ETBA/s320/Dhammagiri5.jpg) |
Dhamma Giri the hill of Dhamma |
สำนักปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานอีกแห่งหนึ่งที่ได้รับการยอมรับและมีผู้เข้าร่วมปฏิบัติตามแนวทางเป็น จำนวนมากในหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย ได้แก่ สำนักวิปัสสนากรรมฐานของ เอส.เอ็น.โกเอ็นก้า
(S.N. Goenka) ซึ่งได้สอนวิปัสสนากรรมฐานที่มีลักษณ์เด่นเฉพาะตน ด้วยการประยุกต์หลักการและวิธีต่าง ๆ ของวิปัสสนาในมหาสติปัฏฐานสูตรมาปรับใช้ให้เหมาะสมแก่จริตของบุคคลหลายจริตนิสัยด้วยกัน ดังจะเห็นได้จากศูนย์ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่ก่อตั้งขึ้นในหลายประเทศ เช่น อินเดีย ไทย สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ซึ่งได้เข้ารับการอบรมจากสำนักเหล่านี้ โดยมีระยะเวลาที่ใช้ ในการอบรม แบ่งเป็น
๓ หลักสูตร คือ หลักสูตร
๓ วัน หลักสูตร
๑๐ วัน และหลักสูตรอุกฤษฏ์
๒๐ วัน เอส.เอ็น.โกเอ็นก้า เกิดเมื่อ วันที่ ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๗ ในครอบครัวนักธุรกิจชาวอินเดียที่ถือกำเนิดในประเทศพม่า เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๗ ในปี พ.ศ. ๒๔๘๓ เรียนจบชั้นเตรียมอุดมและออกมาช่วยงานทางบ้าน ท่านได้ประกอบธุรกิจจนประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียงมากตั้งแต่ยังอยู่ในวัยหนุ่ม ทั้งได้รับเลือกให้เป็นผู้นำชุมชนชาวอินเดียในพม่า รวมทั้ง เป็นประธานองค์กรต่าง ๆ อาทิ หอการค้ามาร์ควารีแห่งพม่า และสมาคมพาณิชย์และอุตสาหกรรมแห่งย่างกุ้ง นอกจากนี้ยังร่วมเดินทางไปต่างประเทศกับคณะผู้แทนการค้าของสหภาพพม่าในฐานะที่ปรึกษาอยู่บ่อย ๆ เมื่ออายุ
๓๐ ปี ท่านถูกคุกคามด้วยโรคไมเกรน แม้จะได้รับการดูแลบำบัดรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในหลายประเทศ แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น จนอายุ ๓๑ ปี ท่านจึงได้ทดลองเข้าปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานหลักสูตร
๑๐ วัน เป็นครั้งแรกกับท่าน
อาจารย์อูบาขิ่น (วิปัสสนาจารย์ที่ชาวพม่าให้ความเคารพนับถืออย่างยิ่งผู้หนึ่ง) โดยการแนะนำของเพื่อนชาวพม่าคือ ท่านอูชันตุน อดีตประธานศาลฎีกาพม่า หลังจบจากการปฏิบัติตามหลักสูตร
๑๐ วันแล้ว เอส.เอ็น.โกเอ็นก้า เกิดความเลื่อมใสศรัทธาในเนื้อหาสาระของคำสอนและในแนวทางปฏิบัติเป็นอย่างมาก จึงปวารณาตัวเข้าปฏิบัติอย่างต่อเนื่องและจริงจัง จนต่อมาท่านอาจารย์อูบาขิ่นได้แต่งตั้งให้เอส.เอ็น.โกเอ็นก้า ทำหน้าที่เป็น
อาจารย์ผู้ช่วยสอน และในปี พ.ศ.
๒๕๑๒ เอส.เอ็น.โกเอ็นก้า ได้รับการแต่งตั้งจากท่านอาจารย์อูบาขิ่นให้เป็นอาจารย์สอนวิปัสสนา เอส.เอ็น.โกเอ็นก้า ถึงแก่กรรมคืนวันอาทิตย์ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.
๒๕๕๖ ด้วยโรคชรา ขณะอายุ
๙๐ ปี ตัวอย่างการสอนวิปัสสนากรรมฐานของเอส.เอ็น.โกเอ็นก้า ที่แสดงแก่ผู้เข้ารับการอบรมหรือปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เช่นเรื่องวิปัสสนาคืออะไร และวิปัสสนาจะช่วยให้เรา
พ้นจากความทุกข์ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร ความทุกข์ที่เกิดจากการมีชีวิตอยู่ และความทุกข์ที่เกิดจากความตาย เราทุกคนล้วนแต่ต้องการหลีก หนีจากความทุกข์ และต้องการมีชีวิตอยู่อย่างสุข สบาย แต่เรามักไม่รู้ว่า อย่างไรจึงจะพ้นทุกข์
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgwGSmyGcWFjRbamyHtu0J-AXnta8FVHKZKH0eDXXKpq0kc2zQEPcKHEXh6-APvmqZ1NkSHf0G0pQ9v0mnkthp2V31HRjChmGJcMKy0QbtT1BLFRCLvgh_v-z6FUYNZ21kzlY7aA4Z003Sysq53fxk88RpaqGac45te4HCoyiFBTDqRHbjra5vPB7qt/s320/sngoenka.jpg) |
Satyanarayan Goenka |
เอส.เอ็น.โกเอ็นก้า ได้มีการอบรมฝึกปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานกับผู้ที่เข้าอบรม โดยมีสาระสำคัญเพื่อให้พุทธบริษัทได้นำมาปฏิบัติตาม เพื่อเป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิตประจำวัน และประโยชน์สูงสุดให้เกิดขึ้นภายในตน อันเป็นการแก้สาเหตุของปัญหาในระดับเบื้องต้นได้เป็นอย่างดี เนื่องจากว่ามนุษย์ทุกยุคทุกสมัยย่อมจะประสบกับปัญหานานาประการอยู่ไม่สิ้นสุด พระพุทธศาสนาจึงสอนให้แก้ปัญหาทั้งด้านนอกและด้านในไปพร้อม ๆ กัน ทั้งทางสังคมและทางจิตใจของบุคคลกล่าวคือในด้านนอกก็ใช้ศีลแก้ปัญหาทางกายและวาจา ส่วนด้านในที่เกี่ยวกับจิตใจและปัญญาก็ใช้หลักวิปัสสนากรรมฐานเป็นหลักปฏิบัติตาม เพื่อจะได้ละความโลภ ความโกรธความหลง ความเห็นแก่ตัว และเกิดความสามัคคี สมานฉันท์ได้ ซึ่งการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานของเอส.เอ็น.โกเอ็นก้า เมื่อบุคคลได้ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานแล้วทำให้เลือกสรรแนวทางปฏิบัติให้ถูกจริตของตนเองได้ ไม่ว่าจะเป็นการพิจารณากาย เวทนา จิตและธรรม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและมีประสิทธิภาพเกื้อกูลการทำงานในปัจจุบัน เช่น หากมีสติดีแล้ว ก็สามารถทำงานและแก้ปัญหาต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้ดี ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน เช่น เมื่อปฏิบัติตามหลักวิปัสสนากรรมฐานแล้ว จิตย่อมพัฒนาหรือมีการยกระดับไปสู่มรรคมีองค์ ๘ อย่างน้อยที่สุด ก็มีความเห็นชอบ เห็นถูกต้อง รู้สิ่งที่เป็นคุณ เป็นโทษ ประโยชน์ ไม่ใช่ประโยชน์แล้วถือปฏิบัติตนตามหลักจารีต ศีลธรรม เมื่อทำได้ดังนี้ ก็ชื่อว่าเป็นคนมีศีล มีสมาธิและมีปัญญาในการดำเนินชีวิต
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgbMHGAfhQRyWme_UQeGtNAOTAcj2bmJdYhRYyQMKs-0s1e1byFoSEZKZaJh-xS-xlhahkN17mMqLy3wVIThL1ACJNJ2f1mkrGimCbaN6ldCZd7CmwtvwoSx8tt8tysq7fgeJ8TsQMtINvLkV8tRe40TIX4XDydxT8LkkYl-2Pa-BVsvpq-KJlEAL5i/s320/maxresdefault.jpg) |
S.N. Goenka & Mata ji |
ประวัติและการสอนวิปัสสนากรรมฐานตามแนวทางของ เอส.เอ็น.โกเอ็นก้า พบว่า เอส.เอ็น.โกเอ็นก้า เกิดที่ประเทศพม่าในครอบครัวนักธุรกิจ ได้ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานกับอาจารย์อูบาขิ่นในหลักสูตร ๑๐ วัน หลังจากการปฏิบัติแล้วเกิดความเลื่อมใสศรัทธาในเนื้อหาสาระของคำสอนและในแนวทางปฏิบัติเป็นอย่างมาก จึงปวารณาตัวเข้าปฏิบัติ อย่างต่อเนื่องและจริงจัง จนได้รับการแต่งตั้งจากท่านอาจารย์อูบาขิ่นให้เป็นอาจารย์สอนวิปัสสนา โดยการสอนวิปัสสนากรรมฐานตามแนวทางของ เอส.เอ็น.โกเอ็นก้า เป็นวิธีปฏิบัติที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวที่เรียบง่าย มีเหตุมีผล ให้บังเกิดความสงบสุขทางใจอย่างแท้จริง และนำไปสู่การมีชีวิตที่เป็นสุขและมีคุณค่า การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานของเอส.เอ็น.โกเอ็นก้า ซึ่งใช้หลักสูตรพื้นฐานในการฝึกฝนอย่างน้อย ๓-๑๐ วัน โดยถือหลักสติปัฏฐาน ๔ เป็นแกนกลาง ผลของการปฏิบัติตามแนวของเอส.เอ็น.โกเอ็นก้านี้คือ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของจิต ได้เน้นการไม่ปรุงแต่งต่อทุกอารมณ์ ให้วางใจเป็นอุเบกขา ให้มีความเข้าใจในปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นว่าล้วนเหมือนกัน คือ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ไม่ควรเข้าไปยึดมั่น เมื่อไม่ปรุงแต่งต่อ กิเลสใหม่ ก็จะไม่เกิด เมื่อเป็นดังนี้ จิตก็จะค่อย ๆ สะอาดบริสุทธิ์ขึ้น จนสามารถขจัดกิเลสให้เบาบางลง หรือจนถึงกระทั่งหมดไป ปัจจุบันสำนักวิปัสสนากรรมฐานเอส.เอ็น.โกเอ็นก้าได้เผยแผ่การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานไปในประเทศต่าง ๆ กว่า ๙๐ ประเทศทั่วโลกและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย